Wie ich mal im Nirvana Momos gegessen hab (Tag 11 Annapurna Circuit )

Heute wollen wir wieder zurück auf die “normale“ Route.

Wobei es allen Anschein nach auch kein spektakulärer Tag wird, weil wir heute nur etwa 10km laufen wollen und es auch eher nach unten als nach oben geht.

Also lassen wir es auch recht gemütlich angehen.

Morgens wird erst mal gut gefrühstückt, die Rucksäcke gepackt und dann gegen halb 9 verabschieden wir uns von unseren Gastgebern und auch von unserem vierbeinigen Freund.

Wie fast jeden Tag, wird das anfangs nicht ganz so tolle Wetter von Minuten zu Minuten besser.

Unsere Laune ist gut und weil der Weg auch noch wirklich anstrengend ist, bleibt sie das auch.😊

Eigentlich passiert auch nicht all so viel, weshalb ich an dieser Stelle auch erstmal nicht mehr schreibe sondern lieber ein paar Bilder unserer Begegnungen und der Aussicht poste.

 Es ist schon Mittag und ich verspüre mittlerweile auch ein kleines Hüngerchen, da erblicken wir eine Hängebrücke und am Ende der Brücke wartet das “Nirvana“ auf uns.
Wenn das mal nicht ein schöner Zufall ist.😊

Natürlich kehren wir hier ein und nach dem wir uns einen Teller Momos reingepfiffen haben. (Ein Momo ist eine gefüllte Teigtasche und die ist auch noch saulecker).

Entscheide ich mich für etwas, das hier ganz groß angepriesen wird und auf das ich auch richtig Bock habe……..Yak-Käse!!!
Ich mag ja Käse generell und hab in Asien recht selten die Möglichkeit mir welchen zu gönnen was diesen Käse auch noch zusätzlich zu einem wahren Erlebnisse macht…..Ganz ehrlich, ich für meinen Teil würde noch einmal bis ins Nirvana laufen um mir ein Stückchen von diesem Käse auf der Zunge zergehen zu lassen! Voll lecker!

So gemütlich es auch ist, wird es nach einer Stunde dann auch für uns Zeit das Nirvana zu verlassen um endlich wieder auf dem Annapurna Circuit zu wandern, auf den wir nur ein paar hundert Meter hinter dem Restaurant dann auch wieder stoßen.

Endlich wieder auf dem rechten Weg.☺

Jetzt laufen wir nur noch ein kleines Stückchen, bis wir nach etwas mehr als einer Stunde den Ort “Yak Kharka“ erreichen.

Hier haben wir genug Zeit an einem kleinen Bach im Ort unsere Wäsche zu waschen und eine schöne Kälte Dusche zu nehmen.

Bevor es dann zum Abendessen geht.

Hier im Restaurant des Gasthaus treffen wir dann auch auf 2 andere Wanderer.

Jessie und Norbert kommen aus Magdeburg (oder war es Dresden?!) haben sich genau wie wir vorgenommen diese Runde zu laufen und sind super sympathisch.

So kommt es , das mein Boss heute schon früher zum Zimmer geht, während wir 3 noch ne halbe Ewigkeit quatschen.
Der Schrittzähler behauptet, wir hätten heute 16.536 Schritte gemacht und ich glaube ihm das einmal.
Hier jetzt wir immer der ganze Tag aus Bonnys Sicht:

วันที่ 16 กันยายน 2559

การเดินทางที่ยังไม่สิ้นสุด

…..เมื่อวานเราได้สิ้นสุดเป้าหมายของการพิชิตทะเลสาบ ที่อยู่บนเขาที่สูงท่ีสุด แต่ยังไม่พิชิตเป้าหมายหลักที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องไปต่อ
…..ตื่นมาเช้ามืดของวันใหม่ กับแสงรำไรจากหมอกและแสงไฟของตัวบ้าน มันช่างสวยงามจริงๆ ในท่ามกลางหุบเขาที่ล้อมรอบ และมีบ้านตั้งอยู่ตรงนั้นแค่สองหลัง สิ่งที่บลเห็นและคำบรรยายมันไม่เท่าเห็นภาพของจริงด้วยตัวเอง 
…..หลังกลับมาจากพิชิตความสำเร็จเล็กๆ แต่มันคือความภาคภูมิใจครั้งยิ่งใหญ่ในตัวเอง ที่เราทำได้ มีความสุขได้ทั้งคืน จนถึงเช้าวันใหม่ของการเดินทางอีกครั้ง 🙂
…..หลังจากการอาบน้ำ ทานข้าวเช้าเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ต้องไปต่อ ไปยังหมู่บ้าน Yak  ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนจะถึง base camp รู้สึกตื่นเต้นไงไม่รู้
…..คราวนี้เราต้องเดินย้อนกลับทางเดิม และเลี้ยวไปอีกเส้นทางใหม่ เป็นเส้นทางลัดที่ต้องเดินย้อนกลับไปยังหมู่บ้าน Manang อีก ตามเคยต้องได้เดินขึ้นเขาอีกแล้ว ในทุกๆวันต้องขึ้นเขาตลอด และตามมาตรฐานเดิมคือโดนแซงตลอด ระหว่างทางก็จะได้เจอสัตว์เล็กสัตว์น้อย และได้เจอกวางป่าเล็มหญ้าอยู่ไกลๆ รู้สึกดีและมีความสุข ที่ได้เห็นสัตว์ป่า อยู่ในแหล่งธรรมชาติและมีชีวิตที่อิสระ เราต้องเดินขึ้นเขาไปจุดวัดร้าง และได้เห็นชาวบ้านถืออาหารขึ้นมาทำพิธีอะไรบางอย่าง ที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร เป็นพิธีเล็กๆบ้านๆ ตามธรรมชาติและได้เห็นม้ายืนเล็มหญ้าอยู่บนยอดเขา ช่างมีความสุขจริงๆ เราต้องเดินเลียบสันกำแพงยาวไปเรื่อยๆ ไต่เขาขึ้นสู่จุดสูงสุด แล้วก็ไต่เขาลงจุดต่ำสุด เนี่ยมันเป็นแบบนี้ ขึ้นสุดและลงสุด แล้วจะไม่ให้เหนื่อยได้ไง 
…..การลงสุดก็เพื่อที่จะไปข้ามแม่น้ำ โดยผ่านสะพานเหล็กยาวๆๆๆ มันช่างสวยงามมาก ตรงหน้าสะพานฝั่งตรงข้ามก็จะมีร้านอาหารเล็กๆ ตั้งอยู่โดดเดี่ยว เดียวดาย รอต้อนรับนักท่องเที่ยว มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งว่างอยู่ 2 ชุด แน่นอนว่าเราต้องแวะ แบบว่าไปถึงก็ขอแมะก้นลงก่อน จะมีคนหรือหมาป่าอยู่ในนั้นก็อีกเรื่อง 🙂
…..สักแปปเราก็แวะเข้าไปข้างในเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย รีบเร่งสั่งอาหาร แต่คนทำครัวก็แบบว่าชิวๆสไตล์เนปาล (มีความสุขอ้า) ข้างในก็แบบว่าเพื่อชีวิตแบบเนปาลหน่อย เราสองคนสำรวจกันอย่างเมามัน พ่อครัวก็โป๊กเป๊กกันอยู่ข้างใน อารมณ์ประมาณว่า ตามสบาย คุณจะทำอะไรก็เชิญ (ก็ได้ใจไปเต็มๆ) 
…..รอบนี้บอสได้กินชีสยัก เค้าอยากลอง ชีสตัดมาเป็นแผ่นเล็กๆ 2-3 แผ่น เรียงมาใส่จาน บลก็ขอชิมนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆจนไม่รู้รสชาติ 55+ และเราก็สั่งโมโม้ทอด อันนี้อร่อยมากจนติดใจ เรานั่งเล่นกันที่นี่จนลืม ว่าเส้นทางยังไม่สุด ก็ต้องไปต่อแล้ว คราวนี้ละกินอิ่มใหม่ๆ ก็ต้องขึ้นเขาอีกแล้ว คือเมื่อกี้ลงสุดไง คราวนี้ก็ต้องขึ้นสุดอีกไง ทำไรไม่ได้ ก็ได้แต่บ่นๆๆในใจ (แต่ก็มีความสุขไง) บอสนี่ก็ไปแบบมุ่งหน้าอย่างเดียว บลก็เดินอ่อยตามหลังไกลๆ (ขี้เกียจแล้วไงละ) จะให้ทำไงก็ต้องลากขาไปต่อ
…..เมื่อขึ้นสุดแล้วจุดนี้ก็จะถึงจุดรวมพล ของคนที่เดินมาจากหมู่บ้านManang กับคนที่เดินมาจากThilicho Lake เราจะมาปะกันอยู่ที่แยกนี้และมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านYak ระหว่างนี้เส้นทางจะเริ่มราบแล้ว มีไต่ขึ้นนิดหน่อย พอได้เดินแบบอ่อยอิง 
…..เมื่อถึงหมู่บ้านก็จะเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหนาวและเย็นจนไม่อยากอาบน้ำ โรงแรมที่นี่ก็มีอยู่ 3-4หลัง (ถ้าจำไม่ผิด) นักท่องเที่ยวไม่เยอะเราก็มีสิทธิ์เลือก โรงแรมข้างนอกดูดีแต่ข้างในธรรมดา พอแค่ได้ซุกหัวนอนพอ ความสะอาดก็พออยู่ได้ แต่วิวจากหน้าต่างก็เหนือคำบรรยาย ความสวยแต่ละที่ไม่เหมือนกันจริงๆ 
…..อากาศหนาวเย็นอย่างนี้ บลยังมีใจจะซักผ้าอีก เดินหาจุดซักผ้าตามสายท่อน้ำที่เค้าเปิดไหลทิ้ง (ปล่อยไหลทิ้งจริงๆ) ซักผ้าทั้งๆที่น้ำเย็นยังกับน้ำแข็ง จากนั้นเราก็ไปหานั่งอุ่นๆใช้ไวไฟในร้านอาหารของทางโรงแรม (จริงๆนะสูงขนาดนี้ยังมีไวไฟให้ใช้เกือบทุกจุดแล้ว) แต่สัญญาณอาจจะช้าหน่อย แบบว่าเต่ามาก เราสั่งอาหารและชากาแฟร้อนๆมาอุ่นร่างกาย ระหว่างนั่งโซ้ยอาหารกันอยู่นั้น บอสก็เจอหนุ่มสาวชาวเยอรมันเหมือนกัน เมื่อได้เริ่มสนทนาก็ติดใจ คุยกันถูกคอเชียว ส่วนบลเมื่อทานอาหารเสร็จก็ออกมาเข้านอนก่อน และก็นั่งเล่นข้างนอกโรงแรม ดูลมฟ้าบรรยากาศโดยรอบ ตอนค่ำนี่แบบว่ามืดสนิท และจะได้ยินเสียงยักร้องตามหุบเขาใกล้ๆ เสียงก้องกังวาลเหมือนมาจากที่ไกลๆ บางกลุ่มก็จะลงมายังหมู่บ้าน เพื่อหาอาหารกิน ระหว่างที่นั่งเล่นข้างนอกคนเดียวอยู่นั้นก็โชคดีได้เห็นยักลงมากันฝูงใหญ่ คนพื้นที่เห็นก็จะทำเสียงไล่ ตีปีบตีถังให้มันกลัว น่าสนใจดี ได้เห็นสัตว์ป่า และตอนเย็นหากมองขึ้นไปบนเขา จะเห็นยักยืนเล็มหญ้าอยู่บนไรเขาสูงชัน สนุกดี ชีวิตที่แปลกใหม่ มีความสุขจริงๆ คืนนี้แบบว่าหนาวมาก แต่ด้วยความสูงที่ลดลงจาก Thilicho Lake ทำให้เรานอนได้ และมีอากาศเพียงพอกับการหายใจ แค่หนาวเย็นเท่านั้นที่เป็นปัญหา 
…..Yak  เป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่มากคะ มีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง บางหลังก็กำลังก่อสร้างเพิ่ม น่าจะเป็นโรงแรม การสร้างของเค้าจะใช้หินที่กระเทอะได้บริเวณนั้น ทำเป็นสี่เหลี่ยมแล้วนำมาวางเรียงกันเป็นผนัง สวยดี ชอบ นักท่องเที่ยวช่วงเดือนนี้ก็ยังไม่เยอะเทาไหร่ ทำให้เราเที่ยวกันอย่างสงบสุขและได้รับการต้อนรับที่ดี ความสุขมันอยู่ทุกที่ที่ไป


Kommentar verfassen

Trage deine Daten unten ein oder klicke ein Icon um dich einzuloggen:

WordPress.com-Logo

Du kommentierst mit Deinem WordPress.com-Konto. Abmelden /  Ändern )

Twitter-Bild

Du kommentierst mit Deinem Twitter-Konto. Abmelden /  Ändern )

Facebook-Foto

Du kommentierst mit Deinem Facebook-Konto. Abmelden /  Ändern )

Verbinde mit %s